นายอรรถพล สังขวาสี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า
ปัจจุบันตัวเลขผู้สูงอายุมีปริมาณสูงขึ้น โดยปี 2565 ตัวเลขผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นกว่า ร้อยละ 12 ของจำนวนประชากรทั้งหมด ถือว่าเป็นจุดสูงสุด และอีก 10 ปีข้างหน้าจะเพิ่มมากขึ้นเป็นร้อยละ 28 ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงได้สั่งการให้ ศธ.ไปดูว่าจะจัดการศึกษาให้กับกลุ่มผู้สูงอายุเหล่านี้อย่างไร เพื่อไม่ให้ผู้สูงอายุเหล่านี้ เป็นภาระสังคม มีงานทำ มีเงินใช้ ไม่ยากจน โดยจะต้องร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยการดำเนินการดังกล่าวเป็นหนึ่งในแผนยุทธศาสตร์การศึกษาแห่งชาติที่สำคัญ
“การจัดการศึกษาของไทยจากนี้ จะไม่ใช่แค่คนวัยเรียนเท่านั้น แต่ยังต้องรวมถึงกลุ่มผู้สูงอายุ ที่ต้องทำให้เป็นคนที่มีอาชีพ แต่ไม่จน อย่างเช่นประเทศญี่ปุ่นที่นำกลุ่มผู้สูงอายุไปอบรม เพื่อให้มีงานทำ ไม่เป็นภาระงบประมาณ อีกกลุ่มคือ แรงงานที่ไม่มีสวัสดิการ และกลุ่ม NEED หรือกลุ่มที่ไม่เรียน และไม่ทำงาน กว่า 1.3 ล้านคน อายุตั้งแต่ 14-24 ปี ซึ่งจะกลายเป็นภาระทางด้านงบประมาณในอนาคต ศธ. ก็ต้องไปดูว่าจะทำอย่างไรให้ทั้ง 3 กลุ่มเข้ามาสู่งระบบการศึกษา เพื่อให้มีงานทำ จึงเป็นที่มาให้ตั้งอาสาสมัครกระทรวงศึกษาธิการ (อส.ศธ.) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรับสมัครครูและบุคลากรทางการศึกษาที่เกษียณอายุราชการ เข้าร่วมเป็น อส.ศธ. มีผู้สมัครแล้วกว่า 28,000 คน โดย ศธ. มีเป้าหมายจะตั้ง อส.ศธ.ทั่วประเทศกว่า 100,000 คน เพื่อเข้าร่วมอบรม การสอนและให้มาทำงานในเรื่องต่างๆ เพื่อดูแลทั้ง 3 กลุ่มข้างต้น คาดว่า อส.ศธ. จะเริ่มทำงานได้ภายในเดือนมีนาคม 2566 นี้ ส่วนสวัสดิการในการดูแล อส.ศธ.นั้น อาจจะให้มีสวัสดิการเพื่อดูแลด้านสาธารณสุข ไม่ให้เป็นภาระกับสังคมต่อไป” นายอรรถพลกล่าว
ข่าวอื่นๆ อธิการฯ มทร.ธัญบุรี ย้ำยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบาย สู่ ม.นวัตกรรม